Search
Close this search box.
ข่าวกีฬา

ข่าวกีฬา ปารีสฯอัดเลส์ แซร์กบิเย่ร์ 2-0 ผงาดแชมป์เฟร้นช์ คัพ 4 ปีติด

ข่าวกีฬา ปารีสฯอัดเลส์ แซร์กบิเย่ร์ 2-0 ผงาดแชมป์เฟร้นช์ คัพ 4 ปีติด

ข่าวกีฬา ไม่มีพลิกล็อก! หลัง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ไล่พับสนามบุกอยู่ฝ่ายเดียว ก่อนเอาชนะ เลส์ แซร์กบิเย่ร์ ทีมจากนาซิยงนาล หรือดิวิชั่น 3 ไปได้ 2-0 ผงาดคว้าแชมป์ เฟร้นช์ คัพ สมัยที่ 12 และแชมป์รายการนี้ 4 ปีติดต่อกัน ส่งผลให้ซีซั่นนี้ เปแอสเช เหมาคว้าทุกแชมป์ในประเทศหมดชนิดไม่แบ่งทีมใด

แมตช์ฟุตบอลถ้วยของฝรั่งเศส รายการ “เฟร้นช์ คัพ” รอบชิงชนะเลิศ ฤดูกาล 2017-2018 (ครั้งที่ 101) ระหว่าง เลส์ แซร์กบิเย่ร์ ทีมอันดับ 13 นาซิยงนาล 1 หรือดิวิชั่น 3 พบ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แชมป์เก่า 3 สมัยหลังสุด ฟาดแข้งที่ สต๊าด เดอ ฟร้องซ์, แซงต์-เดอนีส์ สนามแห่งชาติ ซึ่งเป็นสนามกลาง

สเตฟาน มาซาล่า เทรนเนอร์เลส์ แซร์กบิเย่ร์ส่ง เควิน รอชโต้ ยืนกองหน้าตัวเป้า

อูไน เอเมรี่ เทรนเนอร์ชาวสเปนของปารีส แซงต์-แชร์กแมงวัย 46 ปี ให้ เควิน ทรัพพ์ นายทวารเยอรมัน มือ 2 ของทีม ทำหน้าที่เฝ้าเสาในเฟร้นช์ คัพ เหมือนทุกรอบที่ผ่านมา และทีมได้ ติอาโก้ ซิลวา เซนเตอร์แบ็กบราซิล กัปตันทีมหายเจ็บกล้ามเนื้อ กลับมานำทัพ

ก่อนเกมเริ่มต้น เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสได้ลงมาในสนามทักทายและจับมือกับผู้เล่นของทั้งสองทีม โดยมี โนแอล เลอ แกรต ประธานสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศส (แอฟแอฟแอฟ) คอยดูแลอย่างใกล้ชิด

เกมครึ่งแรก ผ่านไปเพียง 4 นาที เปแอสเช น่าได้ประตูจากลูกยิงในกรอบเขตโทษระยะ 16 หลา ของ โจวานี่ โล เซลโซ่ มิดฟิลด์อาร์เจนติน่า ทว่าบอลชนเสาขวาอย่างจัง

นาทีที่ 8 ปารีสฯ ชวดได้ประตูอีกครั้ง เมื่อ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ดีดเท้าขวาในกรอบเขตโทษฝั่งขวา บอลพุ่งชนเสาขวาอย่างน่าเสียดาย ซึ่งแมตช์สำคัญครั้งนี้ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เซเล็กซิยอนเนอร์ทีมชาติฝรั่งเศส, เชราร์ อุลลิเย่ร์ เข้ามานั่งดูเกมอยู่ในสนาม และ เนย์มาร์ กับ มาร์โก แวร์รัตติ สองดาวเตะปารีสฯ ที่บาดเจ็บนั่งเชียร์เพื่อนร่วมทีมอยู่บนอัฒจันทร์

จากนั้นนาที 20 โล เซลโซ่ ได้ซัดเท้าซ้ายในกรอบเขตโทษฝั่งขวา บอลพุ่งชนเสาขวา

และแล้ว เปแอสเช ได้ประตูนำ 1-0 นาที 26 โจวานี่ โล เซลโซ่ แผลงฤทธิ์ ตะบันเท้าซ้ายจากนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งเสียบมุม เข้าประตูไปอย่างสวยงาม นับเป็นประตูแรกของเขาในการเล่นเฟร้นช์ คัพ นัดที่ 4 ในฤดูกาลนี้

จบครึ่งแรก เปแอสเช นำ 1-0

มาถึงครึ่งหลังนาทีที่ 50 เปแอสเช ได้โอกาส คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ยิงจ่อๆ หน้าประตูเข้าไป แต่ผู้ตัดสิน มิกาแอล เลอซาช ดูวีดีโอเทป โดยใช้เทคโนโลยีวีเออาร์ ช่วยในการตัดสินเกม ปรากฏว่า บอลไปโดนแขนของ มาร์กินโญส กองหลังปารีสฯ ก่อนที่ เอ็มบั๊ปเป้ ยิงเข้าประตู ทำให้เป็นลูกแฮนด์บอล และปารีสฯ ไม่ได้ประตูนี้

เก้านาทีต่อมา ปารีสฯ มีโอกาสอีก โจวานี่ โล เซลโซ่ กองกลางดาวรุ่งทีมชาติอาร์เจนติน่า จ่ายให้กับ อังเคล ดิ มาเรีย ปีกตัวดัง เพื่อนร่วมชาติ ซัดด้วยขวาจากนอกเขตโทษ ติดเซฟของ มัตติเยอ ปิโช่ต์ นายทวารเลส์ แซร์กบิเย่ร์

ล่วงเลยมานาทีที่ 74 เปแอสเช มาได้จุดโทษจากจังหวะที่ อังเคล ดิ มาเรีย จ่ายทะลุแนวรับให้กับ เอดินสัน คาวานี่ หลุดเข้าไปเกี่ยวบอลหลบ มัตติเยอ ปิโช่ต์ นายทวารของเลส์ แซร์กบิเย่ร์ ไปได้ ก่อนโดน ปิโช่ต์ รวบล้มลงไป ผู้ตัดสินชี้ทันทีพร้อมกับแจกใบเหลืองให้ ปิโช่ต์ ไปด้วย จากลูกจุดโทษ คาวานี่ ลุกขึ้นมาสังหารเอง ซัดด้วยขวาเสียบมุมซ้ายเข้าไปตุงตาข่าย โดยที่ ปิโช่ต์ ปัดโดนแค่ปลายมือ แต่บอลยังแรงพอเข้าประตูไปช่วยให้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง นำห่าง 2-0

เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้อีก จบเกม ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ชนะไป 2-0 ผงาดคว้าแชมป์เฟร้นช์ คัพ ฤดูกาล 2017/2018 ไปครอง และเป็นการได้แชมป์เฟร้นช์ คัพสมัยที่ 12 ของสโมสร (ปี 1982, 1983, 1993, 1995, 1998, 2004, 2006, 2010, 2015, 2016, 2017, 2018) โดยสี่ปีหลังคว้าแชมป์ได้ทั้งหมด

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

เลส์ แซร์กบิเย่ร์: มัตติเยอ ปิโช่ต์ – โรมูอัลด์ มารี, เดียร็องเก้ โฟฟาน่า, กีโญม เดอแกร์, อาเดรียง ปาเชอรี่ – วาล็องแต็ง ฟานบาลเฌม (อาดริยอง ดาบาส น.62) – โรดริก บงกงกี, ปิแอร์-มิเชล แชร์กมันน์ (ออมบรวส เชโบโอ น.63), เซบาสเตียง โฟลฌง (กัปตันทีม), โจอาชิม เอ็คมาเยอร์ (เกลม็องต์ กูตูริเย่ร์ น.88) – เควิน รอชโต้

สำรองไม่ได้ใช้: เอสเตบัน ซาลส์ (ผู้รักษาประตู) – ฟลอริย็อง ดาวิด, ฟร้องค์ เอรี่, มูเล อิดริสซ่า บา

ปารีส แซงต์-แชร์กแมง: เควิน ทรัพพ์ – ดาเนียล อัลเวส (โธมัส เมอนิเย่ร์ น.86), มาร์กินโญส, ติอาโก้ ซิลวา (กัปตันทีม), ยูริ เบร์ชีเช่ – โจวานี่ โล เซลโซ่, ติอาโก้ ม็อตต้า (ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์ น.68), อาเดรียง ราบิโอต์ – คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ (ฮาเวียร์ ปาสตอเร่ น.86), เอดินสัน คาวานี่, อังเคล ดิ มาเรีย

สำรองไม่ได้ใช้: อัลฟงส์ อาเรโอล่า (ผู้รักษาประตู) – เพรสแนล คิมเพมเบ้, ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า, เลย์วิน กูร์กซาว่า

ขอบคุณข่าว : www.siamsport.com
อ่านต่อได้ที่ : www.sportsassume.com